กลยุทธ์ดิจิตอลออปชั่น + เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ

ดิจิตอลออปชั่นมีลักษณะค่อนข้างคล้ายกับไบนารีออปชั่น เครื่องมือการซื้อขายทั้งสองอย่างนี้ช่วยให้นักเทรดตัดสินใจเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวราคาในอนาคตว่าจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง อย่างไรก็ตาม ดิจิตอลออปชั่นมีคุณสมบัติเพิ่มเติมที่ทำให้นักเทรดคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น คุณสมบัติที่ว่านี้คือราคาใช้สิทธิ์ เครื่องมือนี้ต้องใช้กลยุทธ์ดิจิตอลออปชั่นที่แข็งแกร่งและความเชี่ยวชาญของนักเทรด

ราคาใช้สิทธ์ (Strike) คือราคาที่นักเทรดคาดว่าสินทรัพย์ จะไปถึงเมื่อสิ้นสุดเวลาหมดอายุที่เลือกไว้ หากคุณต้องการเรียนรู้วิธีเทรดดิจิตอลออปชั่น (DO) และทำเข้าใจหลักการของเครื่องมือนี้ โปรดอ่าน คำแนะนำเกี่ยวกับดิจิตอลออปชั่น ซึ่งแสดงตัวอย่างดีล พร้อมการอธิบายข้อดีและข้อเสีย

ซึ่งแตกต่างจากไบนารีออปชั่นที่กำไรสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 95-100% แต่ดิจิตอลออปชั่นอนุญาตให้ทำกำไรได้ถึง 900% ขึ้นอยู่กับราคาใช้สิทธิ์ที่เลือก ใน IQ Option สามารถเทรดดิจิตอลออปชั่นด้วยราคาสปิต ซึ่งเป็นราคาปัจจุบันของสินทรัพย์

กลยุทธ์ดิจิตอลออปชั่น ได้แก่ Keltner Channels และ Stochastic Oscillator

การรวมกันตัวชี้วัดทั้งสองนี้อาจกลายเป็นกลยุทธ์ใหม่สำหรับการเทรทดดิจิตอลออปชั่น ตัวชี้วัดทั้งสองอย่างนี้มีความแม่นยำสูงและเรียบง่าย

Keltner Channels เป็นตัวชี้วัดตามความผันผวน ซึ่งจะพล็อตราคาโดยล้อมรอบกราฟ ตัวชี้วัดนี้สามารถช่วยคุณคาดการณ์ทิศทาง ซึ่งราคาจะเคลื่อนไหวต่อไป Stochastic Oscillator จะใช้ยืนยันสัญญาณ ออสซิลเลเตอร์นี้จะระบุระดับแนวรับและแนวต้าน ซึ่งสามารถส่งสัญญาณการกลับตัวของราคาสินทรัพย์ การรวมทั้งสองเข้าด้วยกันจะให้โอกาสทำไรสูงหากใช้อย่างถูกต้อง

จะใช้กลยุทธ์ดิจิตอลออปชั่นนี้ได้อย่างไร?

ก่อนอื่นตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ค้นหาตัวชี้วัดและตั้งค่าบนกราฟแล้ว คุณอาจเปิดสินทรัพย์ดิจิตอลออปชั่นหลายคู่ (คู่สกุลเงินหลายคู่) และใช้ตัวชี้วัดในแต่ละแท็บ วิธีนี้ช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์สินทรัพย์หลายรายการพร้อมกัน และเปิดดิีลเพิ่มเติมเมื่อคุณได้รับสัญญาณจากตัวชี้วัด

ตั้งค่า Keltner Channels

ระยะเวลา: 20
ออฟเซ็ต: 1.5
ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่: EMA 

ในการตั้งค่า Keltner Channels ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ปรับเปลี่ยนการตั้งค่ามาตรฐานเป็นแนวทางระยะสั้นมากขึ้น ก่อนอื่นให้ค้นหาตัวชี้วัดในแท็บความผันผวนของเมนูตัวชี้วัดบนแพลตฟอร์ม IQ Option

เมื่อคลิกที่ตัวชี้วัดคุณจะสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าได้ เปลี่ยนออฟเซ็ตเป็น 1.5 แล้วคลิก “ใช้”

สิ่งนี้จะปรับตัวชี้วัดและทำให้สะดวกยิ่งขึ้นในการใช้กับกรอบเวลาที่น้อยลง เช่น 30 วินาที หรือ 1 นาที

การตั้งค่า Stochastic Oscillator

ระยะเวลา K: 13
ราบรื่น: 3
ระยะเวลา D: 3
ซื้อมากเกินไป: 80
ขายเกิน: 20 

ในการตั้งค่าองค์ประกอบที่สองของกลยุทธ์นี้ ให้ค้นหา Stochastic Oscillator ในแท็บโมเมนตัมของเมนูตัวชี้วัดบนแพลตฟอร์ม

ตัวชี้วัดนี้ใช้กับการตั้งค่าเริ่มต้น ดังนั้นให้คลิก “ตามค่าเริ่มต้น” ในการตั้งค่า และใช้ตัวชี้วัดกับแผนภูมิ

วิธีการอ่านสัญญาณ?

หากต้องการอ่านสัญญาณ คุณจะต้องค้นหาโซนซื้อมากเกินไปและโซนขายมากเกินไปของสินทรัพย์ และเปิดดีลในช่วงเวลาที่แนวโน้มกำลังเปลี่ยนแปลง

เงื่อนไขการเปิดสถานะ “สูงกว่า”:

• Stochastic อยู่ในโซนขายมากเกินไป ต่ำกว่า 20
• แท่งเทียนอยู่เหนือเส้นด้านล่างของ Keltner Channels และแท่งเทียนสีเขียวเริ่มก่อตัว
• คลิก “สูงกว่า” และเข้าสู่สถานะทันทีที่แนวโน้มเริ่มกลับตัว

ตัวอย่างด้านล่างแสดงการเข้าเทรด EUR/USD ในช่วงเวลาที่ตัวชี้วัดทั้งสองแสดงการกลับตัวที่อาจเกิดขึ้น ดีลจะถูกเปิดโดยมีเวลาหมดอายุ 1 นาทีและปิดด้วยกำไร

เงื่อนไขการเปิดสถานะ “ต่ำกว่า”:

• Stochastic อยู่ในโซนซื้อมากเกินไป ซึ่งสูงกว่า 80
• กราฟอยู่เหนือเส้นด้านบนของ Keltner Channels และแท่งเทียนสีแดงกำลังเริ่มก่อตัว
• คลิก “ต่ำกว่าฎ และเข้าสู่ดีลทันทีที่แนวโน้มเริ่มกลับตัว

ในตัวอย่างข้างต้นทั้ง Stochastic และ Keltner Channels บ่งบอกถึงการกลับตัวเป็นขาลง และความเป็นจริงที่แท่งเทียนสีแดงเริ่มก่อตัว ดีลถูกเปิดอย่างแม่นยำเมื่อเริ่มก่อตัวขึ้น และดีลที่เวลาหมดอายุ 1 นาทีจะถูกปิดด้วยกำไร

เคล็ดลับสู่ความสำเร็จดิจิตอลออปชั่น

เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากกลยุทธ์นี้มีเคล็ดลับหลายประการที่คุณสามารถนำไปใช้ในการเทรดดิจิตอลออปชั่น

1. จำไว้ว่าไม่มีกลยุทธ์ใดที่ได้ผล 100% ตลอดเวลา แม้แต่กลยุทธ์นี้ก็ตาม บางครั้งแทนที่จะเป็นการกลับตัว ราคาจะยังคงเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน และดีลอาจปิดลงด้วยการขาดทุน จำสิ่งนี้ไว้เมื่อคุณรู้สึกหมดหวัง
2. เลือกราคาใช้สิทธิ์ด้วยความระมัดระวัง ยิ่งราคาใช้สิทธิ์ห่างจากราคาปัจจุบัน คุณก็ยิ่งทำกำไรได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามงราคาใช้สิทธิ์ที่สูงขึ้นจะตามมาด้วยความเสี่ยงของการเทรดที่สูงขึ้น
3. อย่ายึดติดกับคู่สกุลเงินเพียงคู่เดียว ให้เปิดหลายแท็บพร้อมกัน และติดตามคู่เงินต่างๆ ด้วยตัวชี้วัดทั้งสองนี้ ไม่เช่นนั้นเวลารอสัญญาณอาจนานเกินไป
4. อย่าเข้าเทรดเว้นแต่คุณจะได้รับสัญญาณจากตัวชี้วัดทั้งคู่ หากตัวชี้วัดแสดงสัญญาณตรงกันข้ามให้รอก่อน
5. อ้างอิงหลักการเงินลงทุนน้อย: เสี่ยงมากกว่า 3% สำหรับแนวทางอนุรักษ์นิยม และ 15% สำหรับแนวทางกล้าได้กล้าเสี่ยง การเพิ่มกำไรเล็กน้อยและการสร้างทุนเป็นการเดิมพันที่ปลอดภัยกว่าเสี่ยงด้วยการเทหมดหน้าตัก

อย่าลืมจดจำเคล็ดลับเหล่านี้และทดสอบกลยุทธ์ในบัญชีทดลองก่อน ท้ายที่สุดแล้วการเทรดเป็นเรื่องของการฝึกฝน ยิ่งคุณฝึกฝนมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งทำได้ดีขึ้นเท่านั้น

คุณต้องการให้เราอธิบายกลยุทธ์อะไรอีกบ้าง? แจ้งให้เราทราบด้วยการส่งความคิดเห็นด้านล่าง!