ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ Bitcoin ถูกมองว่าเข้าสู่ภาวะฟองสบู่ สิ่งนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งเนื่องจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของอัตราแลกเปลี่ยน ถ้าย้อนดูในปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าราคา Bitcoin ได้เพิ่มสูงขึ้นกว่า 300%

กราฟราคาของ Bitcoin ปี 2013-2021

แน่นอนว่ากราฟที่พุ่งทะยานขึ้นย่อมทำให้หลายคนสงสัยว่า

เงินคริปโตเป็นฟองสบู่ที่รอวันแตกหรือไม่และถ้าใช่ฟองสบู่จะแตกเมื่อไหร่

ลองหาคำตอบด้วยการวิเคราะห์ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญหลายๆ คน แต่ก่อนอื่นมาเริ่มต้นด้วยการตอบคำถามที่สำคัญอีกข้อ

จริงๆ แล้วฟองสบู่คืออะไร

ไฮแมน ฟิลิป มินสกี (Hyman Philip Minsky) นักเศรษฐศาสตร์ได้แบ่งวงจรของการเกิดฟองสบู่ออกเป็น 5 ขั้น ได้แก่

กายวิภาคของฟองสบู่ทั่วไป
  • การประเมินค่า
  • เวลา
  • เปลี่ยนผ่าน (Displacement)
  • พุ่งทะยาน (Boom)
  • เพ้อคลั่ง (Euphoria)
  • ฟันกำไร (Profit Taking)
  • ร่วงหนัก (Bust)

1. เปลี่ยนผ่าน (Displacement) ในขั้นนี้ นักลงทุนเริ่มหลงใหลกับการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในตลาด เช่น เทคโนโลยีใหม่อย่างบล็อกเชน

2. พุ่งทะยาน (Boom) ปรากฏการณ์ดังกล่าวเริ่มได้รับความสนใจจากสาธารณชนมากขึ้น ผู้คนให้ความสนใจมากขึ้น แชร์ข้อมูลมากขึ้น ทำให้นักลงทุนรายใหม่จำนวนมากเข้ามาเพราะกลัวตกขบวนรถ

3. เพ้อคลั่ง (Euphoria) สื่อให้ความสนใจ และการซื้อปริมาณมากก็เริ่มขึ้น ไม่มีใครพยายามเข้าใจว่าสินทรัพย์ “ถูก” หรือ “แพง” อีกต่อไป เพียงแค่ซื้อเอาไว้ก่อน

4. ฟันกำไร (Profit Taking) ในขั้นนี้นักลงทุนที่เชี่ยวชาญจะเริ่มออกมา ส่วนที่คนมีประสบการณ์น้อยก็ยังคงถือเอาไว้เพราะคาดว่าสินทรัพย์จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

5. ร่วงหนัก (Bust) นี่คือช่วงที่ฟองสบู่แตก ซึ่งจะเห็นการเคลื่อนไหวขาลงบนกราฟที่ไม่สามารถหยุดได้ เป็นอันจบเกม

มองย้อนกลับไปที่กราฟ Bitcoin ความกังวลของนักวิเคราะห์เริ่มชัดเจน

กราฟBitcoin ดูเหมือนภาวะฟองสบู่

ลองมาดูกันอย่างละเอียดมากขึ้นเพื่อทำความเข้าใจว่าฟองสบู่มีลักษณะอย่างไร

คำวิจารณ์

ถ้าคุณค้นหาใน Google ว่า “Bitcoin เกิดฟองสบู่หรือไม่” จะเห็นข้อมูลที่ขัดแย้งกันอย่างมาก

หรือกล่าวได้ว่า คนที่เชื่อมั่นกับเงินดิจิตอลจะบอกว่าสัญญาณฟองสบู่ Bitcoin เป็นสัญญาณลวง อย่างไรก็ตาม ถึงแม้คุณมั่นใจในเงินดิจิตอล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตลาดเงินดิจิตอลไม่ใช่ฟองสบู่ของการเก็งกำไร (Speculative)

ประเด็นของคนที่มอง Bitcoin ในแง่ร้ายเชื่อว่า

Bitcoin เป็นภาวะฟองสบู่ตัวแม่(The Mother of All Bubbles) และการเติบโตของบิทคอยน์จะทำให้เกิดความลุ่มหลงในการเก็งกำไรรูปแบบการเติบโตที่คล้ายกันเคยเกิดวิกฤตหลายครั้งในอดีตที่ผ่านมาเช่นฟองสบู่dot.com ช่วงปลายของยุค1990 และวิกฤตการณ์บ้านที่อยู่อาศัยปี2008 ในสหรัฐอเมริกา
ขาย Bitcoin

ในความเป็นจริง ฟองสบู่แตกของ Bitcoin เคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี 2013 และ 2017 

กราฟราคาของ Bitcoin ปี 2013-2014
กราฟราคาของ Bitcoin ปี 2017-2018

ในขณะเดียวกัน กลุ่มผู้มอง Bitcoin ในแง่ดีเชื่อว่า

Bitcoin จะยังคงอยู่ต่อให้ราคาร่วงลงเหลือ$1 ก็ตามเมื่อฟองสบู่แตกจะทำให้สินทรัพย์ที่อิงกับมันหายไปหรือล้มละลายซึ่งไม่มีผลกับสกุลเงินดิจิตอล

เราได้เปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญทางการเงินที่พูดในสื่อต่างๆ เพื่อให้คุณเห็นสถานการณ์รอบด้านแบบ 360 °

🤬😍
ตลาดเงินดิจิตอลเป็นเรื่องยุ่งเหยิง เต็มไปด้วยนักเก็งกำไร และยังคงอยู่ในระดับการเทรดเท่านั้น ดูไม่มีอนาคตและจะล่มสลายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งที่พุ่งทะยานขึ้นสูงขนาดนั้น เร็วขนาดนั้น ไม่ใช่เรื่องปกติแน่นอนBitcoin มีความสัมพันธ์กับสกุลเงินอื่นๆ อย่างไม่ปกติ จำไว้ว่าสกุลเงินดิจิตอลเกิดขึ้นมาเพื่อตอบสนองความท้าทายใหม่ๆ ที่ระบบธนาคารแบบเก่าไม่สามารถจัดการได้อีกต่อไปตลาดเงินดิจิตอลจะมีเสถียรภาพเมื่อสกุลเงินดิจิตอลเริ่มเป็นสิ่งที่ใช้แก้ปัญหาในโลกแห่งความเป็นจริง และได้รับการยอมรับจากสังคมว่าเป็นวิธีการชำระเงินที่ถูกต้อง
เงินที่ไม่มีอยู่จริงจะมีค่ามากไปกว่าน้ำมันและทองคำได้อย่างไร เมื่อเกิดการเพิ่มขึ้นของราคาสินทรัพย์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ แปลว่าเรากำลังเผชิญหน้ากับฟองสบู่อย่างแน่นอนเงินดิจิตอลเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่พัฒนาควบคู่ไปกับความต้องการ ยังไม่มีใครรู้ว่ามูลค่าที่แท้จริงของ Bitcoin คือเท่าไร เราไม่รู้ว่าจะนำไปใช้ได้ที่ไหนและอย่างไร ทำให้ไม่สามารถประเมิน Bitcoin ได้ด้วยระบบการวัดและเทคนิคแบบเดิม
ตลาดเงินดิจิตอลไม่มีการควบคุมอย่างถูกกฎหมาย อย่าเชื่อถือสกุลเงินที่ไม่ได้รับการรองรับจากกฎระเบียบของรัฐบาล   การควบคุมดูแลเป็นเพียงเรื่องของเวลา บางประเทศพยายามบังคับใช้กฎหมายบางอย่างเกี่ยวกับเงินดิจิตอล  
ฟองสบู่เงินคริปโตเคยแตกมาก่อน และมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นอีกครั้งแตกต่างจากฟองสบู่ในอดีต ทุกครั้งที่ฟองสบู่เงินดิจิตอลแตก ฟองสบู่อีกอันจะเข้ามาแทนที่ นอกจากนี้เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ในปี 2017 – 2018 ถือว่าตอนนี้ Bitcoin เติบโตขึ้นมาก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ตลาดเงินดิจิตอลไม่คงที่ เนื่องจากบทบาท ราคา และกฎระเบียบยังไม่ได้รับการกำหนดขึ้นมา จนกว่าจะถึงจุดนั้น ตลาดนี้จะแกว่งตัวไปมา นี่คือขั้นตอนปกติของการวิวัฒนาการ   
ซื้อ Bitcoin

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับตลาดเงินดิจิตอล

หลายคนมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้แตกต่างกันไป และยากที่จะคาดเดาว่าทิศทางของตลาดเงินดิจิตอลจะเป็นอย่างไร ความเชื่อมั่นโดยรวมค่อนข้างเป็นบวก ตลาดยังใหม่และยังคงมีการปรับตัว ซึ่งทำให้เกิดความผันผวนและความไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม มันอาจจะดีขึ้นเมื่อภาคส่วนต่างๆ ตระหนักถึงมุมมองของ Bitcoin รวมถึงบทบาท ราคา และกฎระเบียบทางกฎหมายที่กำหนดขึ้นมา

นั่นไม่ได้หมายความว่าราคาของ Bitcoin จะไม่ลดลง ราคาบิทคอยน์อาจร่วงและอาจเป็นการร่วงลงที่รวดเร็ว เจ็บปวด และซ้ำรอยเดิม

สิ่งสำคัญตอนนี้คืออย่าตื่นตระหนกกับคำว่า “ฟองสบู่” มากเกินไป กระบวนการที่กำหนดลักษณะฟองสบู่แบบเดิมไม่สามารถใช้ได้กับ Bitcoin เสมอไปเนื่องจากลักษณะที่ผิดปกติของมัน นักลงทุนจำเป็นต้องตรวจสอบการเคลื่อนไหวของราคาล่าสุด ผลตอบแทนที่สูงไม่ได้หมายความว่าจะเป็น “ฟองสบู่” โดยอัตโนมัติ เพราะฟองสบู่ไม่ได้เกี่ยวกับราคา แต่มันคือราคาเทียบกับมูลค่า ในกรณีของ Bitcoin นั้นยังไม่มีการเปิดเผยมูลค่าที่แท้จริง

ระยะสั้น

  • นักลงทุนรายใหม่จะเข้ามาในตลาดและซื้อเงินดิจิตอลใหม่ๆ
  • เหรียญเงินดิจิตอลอื่นๆ จะมีมูลค่าที่แท้จริงและเริ่มเป็นประโยชน์ ซึ่งอาจช่วยรักษาเสถียรภาพของตลาดเงินดิจิตอลโดยรวม
  • องค์กรขนาดใหญ่ที่สุดในภาคการเงินจะเริ่มเข้าสู่ตลาดตามด้วยระบบการชำระเงินของ PayPal ย้อนกลับไปในปี 2017 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ค้ารายย่อย ตอนนี้มหาวิทยาลัยใหญ่ๆ และแม้แต่กองทุนบำนาญก็มีเงินบริจาคเป็น BTC ซึ่งเป็นเรื่องยากกว่าเดิมมากที่การพักตัวจะเกิดขึ้นตอนนี้เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในปี 2017

ระยะยาว

  • การขยายโครงสร้างพื้นฐานการลงทุน
  • การเกิดขึ้นของนักลงทุนสถาบันจำนวนมากขึ้น
  • สินทรัพย์ดิจิตอลมากกว่า 2,000 รายการในปัจจุบันจะลดเหลือเพียงไม่กี่ร้อยที่มาพร้อมกับวิวัฒนาการของมนุษย์ผ่านยุคโลกาภิวัตน์ ในฐานะสินทรัพย์ประเภทแรก Bitcoin มีโอกาสที่จะได้เป็นเงินดิจิตอลหนึ่งในไม่กี่ร้อยที่ว่า
  • Bitcoin จะเป็นตัวเต็งที่เข้ามาแทนที่เงินดอลลาร์ สกุลเงินของสหรัฐอเมริกาอาจสูญเสียสถานะสกุลเงินสำรองให้กับเงินดิจิตอล เนื่องจากสกุลเงินดิจิตอลเหมาะสมมากกว่าที่จะเป็นวิธีการชำระหนี้และการออมเนื่องจากการใช้บล็อกเชน

อุปสรรคที่อาจป้องกันการแพร่กระจายของสกุลเงินดิจิตอล

  • ความท้าทายใหม่ที่เกี่ยวข้องกับกฎระเบียบของรัฐบาล รวมถึงกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นในสหรัฐอเมริกา
  • การแข่งขันกับธนาคารขนาดใหญ่ รวมถึงสกุลเงินของธนาคารกลาง เห็นได้ชัดว่าระบบธนาคารที่มีอยู่จะต้านทานภัยคุกคามที่มาจากสกุลเงินที่กระจายอำนาจได้เนื่องจากพวกเขาพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่

สรุป

ทั้งฝ่ายที่คลางแคลงใจและผู้ที่เชื่อมั่นต่างก็มีความคิดเห็นที่น่าสนใจ

จะเชื่อหรือไม่เป็นหน้าที่ของนักลงทุนที่ต้องตัดสินใจเอง

ไม่ว่าจะฟองสบู่หรือไม่ ประโยชน์ของการเทรดกับ IQ Option คือนักเทรดสามารถประสบความสำเร็จได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงการเคลื่อนไหวของราคา เพียงแค่ให้ความสำคัญกับปัจจัยทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน และอย่ามองข้ามภาพรวม นอกจากนี้ให้คำนึงถึงความเสี่ยงต่างๆ Bitcoin มีความผันผวนอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่ควรลงทุนมากกว่าการสูญเสียที่ยอมรับได้

เทรดตอนนี้

คุณคิดว่า Bitcoin จะเกิดฟองสบู่หรือเป็นเงินดอลลาร์ทางเลือกใหม่