แนวรับและแนวต้านเป็นตัวชี้วัดทางเทคนิคที่สำคัญซึ่งเป็นพื้นฐานของเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่หลากหลาย นักเทรดกำหนดแนวรับและแนวต้านในพฤติกรรมของราคาเพื่อมองหาจุดราคาที่เหมาะสมเพื่อซื้อและขายหลักทรัพย์
มองหาข้อมูลในการตัดสินใจการเทรด แทนที่ทำการเลือกแบบหุนหันพลันแล่น ตามอารมณ์
แนวรับและแนวต้านคือตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดของการเทรดทางเทคนิค ช่วยกำจัดการคาดเดาส่วนใหญ่และค้นหาโอกาสเทรดที่เป็นไปได้
แนวรับและแนวต้านคืออะไร
แนวรับและแนวต้านคือระดับสำคัญบนกราฟราคาที่แรงกดดันการซื้อและขายอยู่ในดุลยภาพ ทำให้ราคาอาจจะเด้งออกหรือทะลุผ่านมันไป ระดับราคาแนวนอนเหล่านี้กำหนดขึ้นโดยทั่วไปโดยการเชื่อมต่อจุดสูงสุดของแถบราคากับจุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุดอีกอัน
☝️
แนวรับคือระดับบนกราฟการเทรดที่เกินออกไป ที่ราคาของสินทรัพย์จะไม่ลดลงหรือตกลงและเด้งกลับมา ทำหน้าที่เหมือนพื้นซึ่งจำกัดการเคลื่อนที่ไม่ให้ลงต่อไป มาถึงจุดนี้ผู้ซื้อมักจะซื้อสินทรัพย์ และผู้ขายมักลังเลที่จะขาย นำไปสู่การเพิ่มขึ้นในอุปสงค์และส่งผลให้ราคาของสินทรัพย์เพิ่มขึ้น
ในทางกลับกัน แนวต้านคือระดับที่ราคาพบว่ามันยากที่จะทะลุไปด้านบน และมันถูกผลักกลับลงมา แนวต้านคือจุดราคาที่สินทรัพย์มีอุปทานสูงและอุปสงค์ต่ำ เป็นการลดราคาของสินทรัพย์ และทำให้มันเพิ่มราคาต่อไปไม่ได้ ทำหน้าที่เหมือนเพดาน จำกัดความเคลื่อนไหวของราคาไม่ให้สูงขึ้นต่อไป
วิธีกำหนดแนวรับและแนวต้าน
เพื่อขจัดความไม่แน่นอนบางอย่างที่มาพร้อมกับการเทรด นักเทรดต้องพิจารณาแนวรับและแนวต้านของสินทรัพย์ก่อนที่จะเข้าเทรด
เส้นแนวโน้ม
นักเทรดต้องมองหาแนวรับและแนวต้านด้วยการใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิคต่างๆ ก่อนเป็นอันดับแรก วิธีการที่ง่ายที่สุดในการมองหาแนวรับและแนวต้านคือการใช้พฤติกรรมของราคา โดยการมองหาจุดสูงสุดและต่ำสุดภายในช่วงเวลาที่กำหนด ระดับเหล่านี้สามารถเป็นจุดสวิงสูงสุดหรือต่ำสุดที่ผ่านมาหรือจุดราคา เช่น ตัวเลขกลม หรือระดับจิตวิทยา นักเทรดใช้เครื่องมือเส้นกราฟิกเพื่อเชื่อมต่อจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดและลากเส้นตาม

เส้นแนวโน้มเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือกราฟิกที่สามารถใช้ได้ เส้นเหล่านี้เชื่อมต่อจุดราคาสองจุดหรือมากกว่านั้นบนกราฟ ทำให้ใช้งานง่าย ในแนวโน้มขาขึ้น เส้นแนวโน้มทำหน้าที่เป็นระดับแนวรับ ขณะที่แนวโน้มขาลง เส้นแนวโน้มทำหน้าที่เป็นระดับแนวต้าน
ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
อีกวิธีคือการใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 10 วัน 20 วัน 50 วัน 100 วันหรือ 200 วันเพื่อค้นหาแนวรับและแนวต้าน ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สามารถทำหน้าที่เป็นระดับแนวรับได้เมื่อราคาอยู่เหนือมัน ในทางกลับกัน ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สามารถทำหน้าที่เป็นระดับแนวต้านได้เมื่อราคาอยู่ใต้มัน

Fibonacci Retracement เป็นแนวรับและแนวต้าน
Fibonacci retracement คืออีกหนึ่งเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้เพื่อค้นหาแนวรับและแนวต้านที่เป็นไปได้ อ้างอิงตามลำดับฟีโบนัชชี คิดค้นโดยนักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลี Leonardo Fibonacci ลำดับฟีโบนัชชีคือชุดตัวเลขที่ตัวเลขแต่ละตัวเป็นผลรวมของตัวเลขสองตัวก่อนหน้า เริ่มที่ 0 และ 1 ระดับเหล่านี้วาดโดยใช้เส้นแนวนอนเพื่อทำเครื่องหมายระดับช่วงการพักตัวเป็นเปอร์เซ็นต์ระหว่างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของตลาด
ระดับ Fibonacci Retracement ถูกใช้เพื่อกำหนดระดับแนวรับหรือแนวต้านที่เป็นไปได้ สิ่งนี้สามารถช่วยมองหาพื้นที่สำคัญที่นักเทรดอาจเข้าหรือออกสถานะ ตลอดจนระดับ Stop Loss เพื่อจัดการความเสี่ยง อ่านต่อเกี่ยวกับวิธีการใช้งานเส้นฟีโบนัชชีเพื่อรับสัญญาณเข้าและออกเทรดในบทความนี้ การนำเส้นฟีโบนัชชีไปใช้ในการเทรด

Ichimoku Cloud
Ichimoku Cloud หรือเรียกว่า Ichimoku Kinko Hyo คือเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้เพื่อเปิดเผยความแข็งแกร่งโดยรวมและทิศทางของแนวโน้ม Ichimoku ช่วยมองหาจุดย้อนกลับของแนวโน้มที่เป็นไปได้และการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัมในตลาดตัวชี้วัด Ichimoku Cloud ประกอบด้วยองค์ประกอบหลายอย่าง ประกอบด้วยเส้น Conversion (Tenkan-sen) (9 ช่วงเวลา) และเส้น Standard (Kijun-sen) (26 ช่วงเวลา) ที่ทำหน้าที่เป็นแนวรับและแนวต้านไดนามิกขณะที่ตัวชี้วัดอาจดูซับซ้อน แต่ก็ไม่ได้เข้าใจยาก และสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีประโยชน์มาก หากต้องการเรียนรู้วิธีการใช้งานเพื่อกำหนดแนวรับและแนวต้าน ตลอดจนค้นหาจุดเข้าและออกเทรด ให้อ่านบทความนี้ กลยุทธ์ตัวชี้วัด Ichimoku – ตัวชี้วัดครอบจักรวาล

นักเทรดมักใช้แนวรับและแนวต้าน Ichimoku ในการผสมกับตัวชี้วัดทางเทคนิคอื่นๆ เช่น Relative Strength Index (RSI), Moving Average Convergence Divergence (MACD) และ Bollinger Bands เพื่อยืนยันสัญญาณที่ได้รับและเพิ่มความแม่นยำของการเทรด
พฤติกรรมของราคาแนวรับและแนวต้าน
เมื่อแนวรับและแนวต้านได้รับการยืนยันแล้ว นักเทรดต้องวิเคราะห์พฤติกรรมของราคาโดยใช้ระดับเหล่านี้
☝️
- หากต้องการเข้าสถานะ Long (“ซื้อ”) นักเทรดสามารถเปิดเทรดไว้เหนือระดับแนวรับหลังจากเด้ง เพื่อลดความสูญเสียที่เป็นไปได้ในกรณีของจุดกลับตัวไปเป็นแนวโน้มขาลง นักเทรดสามารถกำหนดคำสั่ง Stop Loss ด้านล่างระดับแนวรับ เมื่อวางคำสั่งซื้อ
- ในการขาย Short (“ขาย”) นักเทรดต้องระวังระดับแนวต้าน สถานะ Short สามารถเข้าได้ด้านล่างระดับแนวต้าน พร้อมโอกาสที่ราคาจะลดลง สามารถกำหนด Stop Loss ได้ด้านบนของระดับแนวต้าน
IQ Option แนวรับและแนวต้าน
IQ Option คือแพลตฟอร์มการเทรดออนไลน์ที่นำเสนอตราสารทางการจำนวนมาก อาทิเช่น ฟอเร็กซ์ หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และสกุลเงินดิจิทัล แพลตฟอร์มมอบเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคจำนวนมาก รวมถึงตัวเลือกที่กล่าวถึงข้างต้นทั้งหมด
IQ Option ช่วยนักเทรดค้นหาระดับราคาสำคัญที่ตลาดจะพบกับแรงกดดันการซื้อหรือขาย มันทำงานโดยการจุดเส้นแนวนอนบนกราฟราคา บ่งบอกระดับที่ตลาดพบก่อนหน้านี้ว่าเป็นแนวรับหรือแนวต้าน
แพลตฟอร์ม IQ Option ทำให้นักเทรดสามารถวาดแนวรับและแนวต้านด้วยตัวเองได้ นักเทรดสามารถใช้เครื่องมือวาดกราฟของแพลตฟอร์มในฟีเจอร์เครื่องมือกราฟิกเพื่อทำเครื่องหมายระดับราคาสำคัญบนกราฟและเฝ้าดูการตอบสนองของตลาดเมื่อราคาเข้าใกล้ระดับเหล่านั้น

ด้วยเครื่องมือแนวรับและแนวต้าน IQ Option นักเทรดสามารถค้นหาการตั้งค่าเทรดที่เป็นไปได้และกำหนดจุดเข้าและออกสำหรับเทรดของพวกเขาได้ ระดับเหล่านี้ยังถูกใช้เพื่อจัดการความเสี่ยงโดยการวางคำสั่ง Stop Loss ใกล้กับระดับแนวรับหรือแนวต้าน
สรุป
แนวรับและแนวต้านคือคอนเซปต์สำคัญสำหรับการค้นหาโอกาสการเทรดที่เป็นไปได้และการจัดการความเสี่ยง การเข้าใจและใช้แนวรับและแนวต้านจะช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จของนักเทรดได้อย่างมาก
อย่าลังเลที่จะฝึกฝนการใช้ตัวชี้วัดเหล่านี้ในบัญชีทดลอง IQ Option ของคุณเพื่อเพิ่มกำไรสูงสุด