ภาพรวม
การเข้าเทรดสามารถทำได้หลายวิธี และนักเทรดที่เชี่ยวชาญหลายคนกล่าวว่ามันเป็นส่วนที่ง่ายที่สุดของการเทรด แต่สิ่งสำคัญกว่าคือการรู้จุดออกที่เหมาะสม ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความแตกต่างระหว่างการทำกำไรหรือการล้างบัญชีเทรดจนหมดสิ้น การรู้จุดออกเป็นขั้นตอนที่จะตัดการเทรดที่ไม่เกิดกำไรและอาจนำไปสู่การขาดทุนปริมาณมาก เพื่อปล่อยให้กำไรดำเนินต่อไปอย่างมีศักยภาพสูงสุด ดังนั้นสิ่งที่ตัดสินใจได้ยากที่สุดคือ ควรออกเทรดที่กำลังดำเนินอยู่หรือไม่ โดยเฉพาะการเทรดที่ทำกำไรได้
การปล่อยให้กำไรวิ่งไปจำเป็นต้องมีกฎเกณฑ์บางประการ ซึ่งปกติจะเกี่ยวข้องกับการใช้ตัวชี้วัดที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงกับดักแห่งความกลัว ความโลภ และการออกจากเทรดอย่างรวดเร็วหรือช้าเกินไป
นี่คือตัวอย่างของการเทรด Bitcoin ที่สามารถทำกำไรได้มาก หากดำเนินการอย่างถูกต้อง
ในการเข้าเทรด เราถือว่ากฎพื้นฐานคือ ซื้อเมื่อราคาวิ่งข้ามเส้นและราคาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่าย 100 ช่วงเวลา ในช่วงเริ่มแรกของการเทรด เรายังไม่รู้ว่าผลกำไรที่เป็นไปได้จะสูงแค่ไหน เว้นแต่ว่าเราจะกำหนดราคาเป้าหมายหรือเจาะจงเป็นยอดเงินดอลลาร์ ทางออกที่ดีที่สุดคือการใช้ตัวชี้วัดเพื่อช่วยให้เราติดตามแนวโน้มและปล่อยให้ผลกำไรวิ่งไปให้นานที่สุด
นี่คือสุดยอด 3 ตัวชี้วัดที่สามารถใช้ประโยชน์เพื่อจุดประสงค์นี้
1. ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่: ประเภทค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่มีมากมาย และขึ้นอยู่กับวิธีของการคำนวณและช่วงเวลาที่ติดตามราคาไม่ว่าจะใกล้เคียงหรือกว้างมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่าย 14 ช่วงเวลาจะติดตามราคาที่ใกล้เคียงกว่า 100 ช่วงเวลา การใช้การตั้งค่า 5 ช่วงเวลาจะส่งผลให้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เข้าไปพัวพันกับราคาบ่อยกว่า ทำให้ส่งสัญญาณที่ผิดพลาดมากมาย นอกจากนี้ Exponential Moving Average (EMA) จะติดตามราคาอย่างใกล้ชิดมากกว่า Simple Moving Average (SMA) การใช้ตัวชี้วัดนี้ในตัวอย่างแนวโน้มจะสามารถจับส่วนที่ใหญ่ที่สุดของแนวโน้มดังที่แสดงข้างล่าง แต่ยังมีส่วนที่เหลืออีกมาก
2. Parabolic SAR: ตัวชี้วัดนี้เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ Trailing Stop Loss และการหาจุดออกที่เหมาะสม เนื่องจากแนวโน้มจะติดตามราคาด้วยระยะทางการเริ่มต้นของแนวโน้มและเข้าใกล้มากขึ้นเมื่อแนวโน้มเริ่มเพิ่มขึ้นและเติบโตเต็มที่
คุณลักษณะนี้ทำให้ Parabolic SAR เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการตั้งค่าเพื่อติดตามพฤติกรรมของราคาด้วยคำสั่ง Stop Loss ไม่ให้ใกล้เกินไป แต่ก็ไม่ไกลเกินไปเช่นกัน วิธีนี้ทำให้สามารถจับส่วนที่ดีที่สุดของแนวโน้มได้ การใช้ตัวชี้วัดนี้ในตัวอย่างแนวโน้มจะจับส่วนที่ใหญ่ที่สุดของแนวโน้มได้คล้ายกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ตามที่แสดงข้างล่าง แต่ยังมีส่วนที่เหลืออีกมาก โดยปกติ Parabolic SAR จะทำงานได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เฉลี่ย
3. ATR Trailing Stops: การทำงานของตัวชี้วัดนี้เหมือนตามชื่อ ซึ่งจะใช้ติดตามราคาด้วยคำสั่ง Stop Loss หลังจากเริ่มเทรด ตัวชี้วัดนี้จะพิจารณาความผันผวนเฉลี่ยของสินทรัพย์ที่เทรดและปรับอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าจะเป็นตัวชี้วัดที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก และไม่มีในทุกแพลตฟอร์มการเทรด แต่ก็อาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะปล่อยให้กำไรวิ่งไปและตัดการขาดทุนให้สั้นลง เหตุผลอยู่ในวิธีการคำนวณ สิ่งที่ช่วยให้มีระยะห่างจากแนวโน้มได้เพียงพอเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนตลาดและหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นตอนต้น ในทางกลับกัน เมื่อแนวโน้มมีความเร็วขึ้น ตัวชี้วัดจะกระชับระยะทางให้เพียงพอ ดังนั้นหากมีการกลับตัวอย่างรุนแรง ตัวชี้วัดจะส่งสัญญาณในเวลาที่เหมาะสมก่อนที่กำไรจะลดลงอย่างมาก ในตัวอย่างแนวโน้มจะเห็นได้ว่าการใช้ตัวชี้วัดนี้สามารถจับส่วนที่ใหญ่ที่สุดที่เป็นไปได้ของแนวโน้มโดยแทบไม่เหลืออะไรไว้เลย
สรุป
กลยุทธ์ในการหาจุดออกมีความสำคัญเทียบเท่าหรือสำคัญกว่ากลยุทธ์การหาจุดเข้าเทรด นั่นเป็นเพราะความจริงที่ว่ากำไรและขาดทุนจะถูกกำหนดด้วยราคาที่จุดออก ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวชี้วัดอย่างค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่, Parabolic SAR และ ATR Trailing Stops เข้ามามีบทบาท ตัวชี้วัดเหล่านี้จะใช้เพื่อหาจุดออกที่เหมาะที่สุด อีกทั้งยังใช้เพื่อปล่อยให้กำไรวิ่งไปและตัดการขาดทุน ตัวชี้วัดทั้ง 3 ตัวมีประสิทธิภาพเท่าเทียมกัน การเลือกใช้จะขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล แต่หากต้องเลือกหนึ่งตัวชี้วัดก็อาจเป็น ATR Trailing Stops เพราะความสามารถในการกำหนดจุดออกนั้นไม่มีใครเทียบได้ และมักส่งผลให้จับแนวโน้มที่ใหญ่กว่าได้เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่และ Parabolic SAR