ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นมักถูกควบคุมโดยอุปสงค์และอุปทาน ในทางกลับกันอุปสงค์และอุปทานจะถูกกำหนดโดยปัจจัยที่สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ ความเชื่อมั่น ปัจจัยพื้นฐาน และปัจจัยทางเทคนิค ดูข้อมูลเหล่านี้เพื่อทำความเข้าใจว่าส่งผลต่อราคาหุ้นอย่างไร

โดยปกติแล้วความเชื่อมั่นสามารถเปลี่ยนแปลงได้เร็วกว่าสิ่งอื่น ดังนั้นเราจึงพิจารณาติดตามความเชื่อมั่นสำหรับการเทรดระยะสั้นที่เหมาะสมที่สุด ในขณะที่ปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนแปลงช้ากว่า และสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน ทำให้การติดตามสิ่งเหล่านี้เหมาะสำหรับการเทรดระยะยาว ตรงกลางระหว่างความเชื่อมั่นและปัจจัยพื้นฐานคือการวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งเป็นจุดเชื่อมโยงที่ขาดหายไประหว่างทั้งสองสิ่ง

ความเชื่อมั่น

มาเริ่มกันที่ความเชื่อมั่น โดยทั่วไปเราจะรวมทุกอย่างที่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากเชิงบวกเป็นเชิงลบหรือเป็นกลางและตรงกันข้ามไว้ในหมวดหมู่นี้ ปกติแล้วสิ่งที่มีผลคือเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังหุ้น ผลประกอบการที่ดีกว่าที่คาดและแย่กว่าที่คาด ข่าวลือและข่าวต่างๆ

นั่นคือสิ่งที่ผู้คนพูดถึงหุ้นของบริษัทและผู้บริหารของบริษัท เมื่อพิจารณาถึง Tesla ตอนนี้เราเข้าใจแล้วว่าวิสัยทัศน์ของซีอีโอย่าง Elon Musk และนักลงทุนเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมของหุ้นก่อนที่บริษัทจะสามารถผลิตรถยนต์ได้เพียงพอต่อจุดคุ้มทุน

ผลประกอบการไม่ว่าจะดีกว่าที่คาดหรือแย่กว่าที่คาดก็สามารถกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งหรือทำให้ความเชื่อมั่นในปัจจุบันเป็นตัวกระตุ้น โดยปกติเหตุการณ์ขาขึ้นส่วนใหญ่เกิดขึ้นเมื่อบริษัทรายงาน EPS (รายได้ต่อหุ้น) และรายได้มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์และคาดหวังไว้ หากเป็นสถานการณ์ตรงกันข้าม เมื่อมีการรายงานที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์จะทำให้เกิดความรู้สึกเชิงลบและปฏิกิริยาที่คาดหวังเชิงลบอย่างมากต่อราคาของหุ้น

อย่างไรก็ตาม ข่าวและข่าวลือเป็นปัจจัยอันดับต้นๆ ที่ทำให้หุ้นเคลื่อนไหว เพราะไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสที่จะส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานอีกด้วย ตัวอย่างเช่น หากบริษัทอย่าง Tesla ประกาศหรือมีข่าวลือว่ากำลังวางแผนเปิดแผนการผลิตรถยนต์เพิ่มเติมอีก 2 แผน เนื่องจากความต้องการที่สูง สิ่งนี้เป็นข่าวหรือข่าวลือที่คาดว่าจะสะท้อนไปยังงบการเงินของบริษัทด้วย ซึ่งสร้างความคาดหวังว่าจะมียอดขายที่สูงขึ้นในอนาคตและการเติบโตของบริษัท ดังนั้นไม่ว่าข้อมูลเป็นของจริงหรือไม่ ตัวกรองที่สำคัญสำหรับข่าวจะส่งผลให้บริษัทเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตอันใกล้

ปัจจัยพื้นฐาน

ปัจจัยพื้นฐานเกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพทางการเงินของบริษัทที่เป็นการประเมินค่าของบริษัท หมายความว่ามูลค่าหุ้นและ SWOT ทางการเงินเป็นอย่างไร การวิเคราะห์ (จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส อุปสรรค) สิ่งใดก็ตามที่มีผลต่อผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัท เช่น การประมาณการเติบโตของรายได้และผลกำไรถือเป็นปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง

อัตราการเติบโตที่สูงของรายได้และ EPS ถือว่าเป็นขาขึ้นอย่างมากสำหรับหุ้น ขณะที่การเติบโตเชิงลบจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นแบบขาลงกับหุ้น ข่าวและผลประกอบการสามารถจัดเป็นปัจจัยพื้นฐานได้เช่นกัน เพราะเกี่ยวข้องกับแนวโน้มการเติบโตของบริษัทที่หุ้นถูกพิจารณา

เทรดตอนนี้

ปัจจัยพื้นฐานเพิ่มเติมรวมถึงอัตราส่วนหนี้ อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไร และอัตราส่วนการประเมิน เหมือนอัตราส่วน P/E (ราคาต่อรายได้) อัตราส่วน P/E ยิ่งสูงสามารถส่งสัญญาณหุ้นที่เติบโตหรืที่มีราคาแพงได้ หากรายได้และ EPS เพิ่มขึ้นแปลว่าหุ้นกำลังเติบโต อัตราส่วน P/E ที่ต่ำแปลว่าหุ้นขาดการเติบโตหรือเป็นหุ้นที่นักลงทุนไม่สนใจ

ปัจจัยทางเทคนิค

ปัจจัยทางเทคนิคเกี่ยวข้องกับรูปแบบการเทรด เช่น รูปแบบสามเหลี่ยม สามเหลี่ยมหน้าจั่ว หัวและไหล่ (Head and Shoulderand และอีกมากมาย (คลิกที่นี่สำหรับเพื่อดูรูปแบบยอดนิยมในการเทรด) ระดับแนวรับและแนวต้านและปริมาณถือว่าเป็นปัจจัยทางเทคนิคที่ต้องเฝ้าดูในหุ้น โดยเฉพาะระดับตัวเลขเต็มจำนวนที่มีบทบาทในทางจิตวิทยาที่สำคัญสำหรับนักลงทุน สุดท้ายนี้มีตัวชี้วัดมากมาย เช่น Ichimoku (คลิกที่นี่เพื่อดูกลยุทธ์ Ichimoku) ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ และอื่นๆ

ด้านล่างคือตัวอย่างของแนวรับและแนวต้านสำหรับหุ้น Apple ราคามักจะเปลี่ยนตามระดับเหล่านี้และเมื่อผ่านไปจะสร้างเป็นสิ่งใหม่ขึ้นมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นการแกว่งตัวของราคาในอนาคต

การรวมความเชื่อมั่น ปัจจัยพื้นฐาน และปัจจัยทางเทคนิค

ปัจจัยสำคัญในการเลือกเทรดหุ้นคือวิธีที่นักลงทุนรวมปัจจัยเหล่านี้ทั้งหมดไว้ในกลยุทธ์ โดยขึ้นอยู่กับจังหวะการลงทุนที่ต้องการ ปัจจัยทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานมีผลกับการเดย์เทรด การซื้อระยะยาวและถือไว้ ขณะที่ความเชื่อมั่นถือว่าเป็นเรื่องระยะสั้นมากกว่า

นี่คือตัวอย่างการเทรดสมมุติที่รวมปัจจัยทั้งหมดไว้ในหุ้นของ Nike Inc. 

ก่อนผลลัพธ์การทำเงิน ความเชื่อมั่นสำหรับ Nike เป็นบวกตามที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเห็นผลลัพธ์ EPS และรายได้ที่แข็งแกร่งสำหรับงบการเงินไตรมาสที่ 3 ของปี 2021 นอกจากนั้นผลประกอบการ 2 อย่างก่อนหน้าเหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์ทั้งในแง่กำไรต่อหุ้นและรายได้ ดังนั้นความเชื่อมั่นโดยรวมจึงเป็นบวก

ส่วนทางฝั่งของปัจจัยทางเทคนิค ราคาหุ้นได้เข้าใกล้จุดสูงสุดตลอดกาล แม้ว่าราคาไม่สามารถก้าวข้ามผ่านไปได้อยู่หลายครั้ง ดังนั้นจึงดูเหมือนเป็นจังหวะที่เหมาะสมหาก EPS ได้รับผลกระทบอย่างที่นักวิเคราะห์คาดไว้ สิ่งนี้อาจเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่จำเป็นอย่างมากในการผลักดันราคาให้อยู่เหนือแนวต้านนี้ และอาจสร้างแนวโน้มขาขึ้นใหม่ ทำให้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นกลางในเวลานั้น

ในแง่ของปัจจัยพื้นฐาน บริษัทมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งในช่วงสองไตรมาสก่อนหน้า และการเติบโตดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนแปลงแม้จะเป็นปีที่ยากลำบากเนื่องจากการระบาดของโรค Covid 19 ทำให้การวิเคราะห์พื้นฐานเป็นสำหรับหุ้นเป็นช่วงขาขึ้น ดังนั้นการทุกอย่างที่จะเปลี่ยนเป็นขาขึ้น และเริ่มแนวโน้มขาขึ้นใหม่ตามผลประกอบการที่ดีกว่าที่คาดทั้ง EPS และรายได้

ข้ามไปที่ผลลัพธ์ Nike แสดงให้เห็นผลลัพธ์ EPS ที่แข็งแกร่งแต่รายได้ไม่เป็นไปตามที่คาดเนื่องจากปัญหาซัพพลายเชนที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรค สิ่งนี้ทำให้นักวิเคราะห์และนักลงทุนต้องปรับแก้การคาดการณ์ที่ใช้ในการประเมิน Nike ส่งผลให้ปัจจัยพื้นฐานและการประเมินมูลค่าหุ้น Nike เปลี่ยนไปทันที และจำเป็นต้องปรับราคาใหม่โดยการแก้ไขจุดต่ำสุด ซึ่งเกิดขึ้นในวันถัดไปที่ตลาดเปิด

สรุป

เพื่อความสำเร็จในการเลือกเทรดหุ้น การวิเคราะห์ความเชื่อมั่น การวิเคราะห์ทางเทคนิค และการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจำเป็นต้องสอดคล้องกัน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการหาหุ้นที่มีแนวโน้มจะเคลื่อนไหวไปในแนวโน้มขนาดใหญ่และต่อเนื่อง สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการเทรดที่มีแนวโน้มระยะกลาง ขณะที่การวิเคราะห์ความเชื่อมั่นและปัจจัยพื้นฐานคาบเกี่ยวกัน สวนการวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถใช้กำหนดจังหวะเข้าเทรดได้

ในตัวอย่างของ Nike ก่อนผลลัพธ์รายได้ การวิเคราะห์ทางเทคนิคแสดงให้เห็นสถานการณ์ที่เป็นกลางและราคาอาจสูงขึ้นหากผลประกอบการเป็นบวกหรือเป็นตัวกระตุ้น (เร่งปฏิกิริยา) ปัจจัยพื้นฐานเป็นบวกและแข็งแกร่งอยู่แล้ว นักวิเคราะห์มองว่าเป็นขาขึ้น ทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าจะเป็นขาขึ้นก่อนประกาศผลประกอบการ แต่การประกาศผลประกอบการได้พิสูจน์แล้วความเชื่อมั่นไม่ถูกต้องและ ทำให้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานต้องปรับแก้ใหม่ใเป็นแบบอนุรักษ์นิยมมากขึ้น เนื่องจากประมาณการรายได้ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามความเป็นจริง สิ่งนี้ทำให้การวิเคราะห์ทางเทคนิคถูกตีความว่าเป็นขาลง (หมายถึงแนวต้านจะรับอยู่อีกครั้ง) และราคาจะปรับตัวลงอย่างรวดเร็วหลังจากปัจจัยทั้งหมดกลับเป็นขาลง

เทรดตอนนี้