ตัวคูณคือเครื่องมือที่เหลือเชื่อที่สามารถเพิ่มผลตอบแทนสูงสุดจากดีลโดยการเพิ่มเงินทุนที่เทรดของคุณ อย่างไรก็ตาม มันอาจอันตรายได้เนื่องจากจะทำให้เกิดความสูญเสียสูงสุดเช่นกันในกรณีที่ไม่ได้รับกำไร

เมื่อทำการเทรดบนแพลตฟอร์ม IQ Option คุณสามารถใช้ตัวคูณด้กับสินทรัพย์ต่างๆ เช่น ฟอเร็กซ์ หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ETF เงินดิจิตอล อ่านบทความฉบับเต็มเพื่อเรียนรู้วิธีการใช้งานฟีเจอร์ของแพลตฟอร์มนี้อย่างถูกต้องและสิ่งที่ต้องพิจารณา

ตัวคูณคืออะไร

การใช้ตัวคูณทำให้นักเทรดสามารถจัดการสถานะที่ใหญ่กว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ เช่น หากคุณเปิดสถานะด้วย $100 และใช้ตัวคูณ x5 ปริมาณทั้งหมดของคุณจะเป็น $500 กำไร (และขาดทุน) ที่เป็นไปได้จะถูกคำนวณเหมือนคุณลงทุนลงไป $500 

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ผลตอบแทนที่คุณได้รับ (และการสูญเสียที่คุณต้องแบกรับ) จะมากขึ้น 5 เท่าตามปริมาณการเทรด ฟีเจอร์นี้มีประโยชน์ได้อย่างยิ่งโดยเฉพาะในกรณีที่ทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาถูกคาดการณ์โดยนักเทรดอย่างถูกต้อง หากไม่เป็นเช่นนั้น การใช้ตัวคูณอาจทำให้ขาดทุนมากขึ้นในกรณีที่นักเทรดคาดการณ์ไม่ถูกต้องและดีลต้องปิดลงด้วยผลลัพธ์ที่เป็นลบ

ตัวคูณเอาไว้ใช้ทำอะไร

เดิมทีตัวคูณหรือเลเวอเรจถูกใช้ในตลาดฟอเร็กซ์ ซึ่งคู่สกุลเงินมักไม่มีความเคลื่อนไหวของราคาที่เห็นได้ชัด และการเปลี่ยนแปลงในแต่ละวันทำให้ยากต่อการเก็งกำไร ดังนั้นนักเทรดจึงหันไปใช้ตัวคูณเพื่อเก็งกำไรจากความแตกต่างของราคาเล็กน้อย เพื่อให้ยังคงได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมกำไรที่มากขึ้น

ตอนนี้เครื่องมือนี้สามารถนำไปใช้กับสินทรัพย์อื่นๆ ไม่ใช่แค่ฟอเร็กซ์เพียงอย่างเดียว ซึ่งอาจเป็นเครื่องมือที่ดีเมื่อคุณต้องการควบคุมระดับความเสี่ยงในการเทรดของคุณ ในแต่ละกรณีคุณสามารถตัดสินใจได้ว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญกว่าสำหรับคุณ คุณต้องการความเสี่ยงต่ำ (ตัวคูณต่ำหรือไม่มีเลย) หรือผลตอบสูง (ตัวคูณที่สูงกว่า) ไม่ว่าจะตัวเลือกไหนก็ตาม การมีตัวเลือกมากกว่าเดิมย่อมดีกว่าแน่นอน

ตัวอย่าง

เพื่อให้เข้าใจวิธีการทำงานของเลเวอเรจในทางปฏิบัติ มาดูตัวอย่างของการเทรดที่ใช้ตัวคูณ

ตัวอย่างที่ 1 

สมมติว่านักเทรดต้องการเปิดดีลกับคู่ฟอเร็กซ์ EUR/USD ยอดคงเหลือที่นักเทรดสามารถลงทุนได้ในดีลนี้คือ $20 อย่างที่คุณทราบกันดีอยู่แล้วว่าผลกำไรของดีล CFD นั้นคำนวณด้วยสูตรต่อไปนี้สำหรับดีลระยะยาว:

(ราคาปิด / ราคาเปิด - 1) x ตัวคูณ x เงินลงทุน

สมมติว่านักเทรดเข้าดีล (“ซื้อ”) ระยะยาวที่ระดับ 1.196510 และถือเอาไว้หนึ่งวัน โดยปิดดีลที่ 1.21061 หากนักเทรดไม่ใช้ตัวคูณใดๆ กำไรจะเป็นดังนี้:

(1.210610 / 1.196510 - 1) x 20 = 0.23 หรือ 2 เซ็น  

ดูไม่เหมือน 2 เซ็นจะเป็นกำไรเพียงย้อยเมื่อเทียบกับการที่คุณถือดีลเป็นเวลานานขึ้น นี่คือเหตุผลที่ตัวคูณจะถูกใช้กับดีลเพื่อให้นักเทรดสามารถยืมเงินจากโบรกเกอร์และเพิ่มปริมาณการเทรด

มาดูกันที่ดีลเดิม แต่จะใช้ตัวคูณ x100 วิธีนี้ทำให้ปริมาณที่นักเทรดดำเนินการไม่ใช่ $20 อีกต่อไป แต่จะเป็น $2,000 การคำนวณกำไรจะเป็นแบบนี้:

(1.210610 / 1.196510 - 1) x 100 x 20 = 23  

การใช้งานตัวคูณทำให้นักเทรดได้รับ $23 หรือกำไรมากกว่า 100% จากดีลเดียวกัน

ตัวอย่างที่ 2

แน่นอนว่ายิ่งตัวคูณสูงเท่าไร ความเสี่ยงก็ยิ่งสูงขึ้นเช่นกัน การใช้ตัวคูณทำให้ทุก pip ของการเปลี่ยนแปลงราคามีค่าใช้จ่ายมากขึ้น ดังนั้นนักเทรดอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมากในช่วงเวลาสั้นๆ

ตัวอย่างเช่น นักเทรดเปิดดีล AUD/JPY โดยคาดว่าราคาจะลดลง เงินลงทุนที่ใช้คือ $20 และตัวคูณคือ x200 ซึ่งหมายความว่าปริมาณทั้งหมดคือ $4,000 ดีลเปิดที่ระดับ 79.36700 แต่แทนที่ราคาจะลดลง ราคากลับสูงขึ้นและดีลปิดเป็น Stop Loss ที่ 79.6909 

สูตรที่ใช้เพื่อคำนวณกกำไรสำหรับดีลชอร์ตเป็นดังนี้:

(1- ราคาปิด/ราคาเปิด) x ตัวคูณ x เงินลงทุน

ดังนั้นการคำนวณด้วยตัวคูณจะเป็นแบบนี้:

(1-79.6909/79.3670) x 200 x 20 = -16 

ซึ่งหมายความว่าความสูญเสียของนักเทรดจะเป็น $16 เพราะราคาไม่เป็นไปตามที่ต้องการ

การใช้ตัวคูณในห้องเทรด

หากต้องการใช้ตัวคูณ ให้เลือกฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ เงินดิจิตอล หรือหุ้นจากรายการตราสารการเทรดที่มีอยู่ที่ด้านบนของหน้าจอ จากนั้นเลือกตัวคูณที่คุณต้องการใช้งานก่อนเปิดสถานะ ค่าจะขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่คุณเลือก บางอย่างสามารถใช้เลเวอเรจสูงหรือต่ำ ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ยิ่งตัวคูณสูงเท่าไร คุณก็จะสามารถดำเนินการได้มากขึ้น (แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะสูญเสียเงินมากขึ้นด้วย)

การเลือกตัวคูณจากตัวเลือกที่มีอยู่

การใช้ตัวคูณต้องใช้ความระมัดระวัง และควรฝึกฝนก่อนที่จะเริ่มใช้กับดีลของคุณ อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวคูณเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเทรดที่มีประสบการณ์ ซึ่งไม่กลัวความเสี่ยงจากการได้กำไรที่มากขึ้น

ลองเทรดด้วยตัวคูณ